วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2559

"ส่องเทรนด์ ว้าวความงามเกาหลี ปีหน้า"


ปฏิเสธไม่ได้ว่า เทรนด์ความงามจากเกาหลี เป็นหนึ่งในเทรนด์ที่มีอิทธิพลต่อวงการเครื่องสำอางบ้านเราอย่างมากในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น กระแสของบีบีครีม ซีซีครีม หรือคุชชั่น ที่ฮิตติดลม สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั้งตลาด จนแบรนด์ฝั่งยุโรปก็ยังต้องทำเวอร์ชั่นของตัวเองออกมาเพื่อรับมือกับการแข่งขัน และไม่ให้โอกาสการทำตลาดต้องหลุดลอยไป
ล่าสุด ในงานสัมมนาบียอน บิวตี้ อาเซียน-แบงคอก 2016 “โซน ซง มิน” นักวิจัยจากองค์การอุตสาหกรรมเครื่องสำอางเกาหลี ได้ฉายภาพของเทรนด์ความงามเกาหลีที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า ตลอดจนปัจจัยที่จะเข้ามากระตุ้นให้ตลาดเติบโต ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวัง รวมถึงพฤติกรรมการบริโภคของหนุ่มสาวเกาหลียุคใหม่ ที่จะสะท้อนกลับมายังตลาดเครื่องสำอางไทยในไม่ช้า
“โซน” ชี้ว่า สิ่งที่ต้องจับตาดูในภาพใหญ่ก็คือ ภาวะของเศรษฐกิจตกต่ำที่เกิดขึ้นทั่วโลก ราคาน้ำมัน สถานการณ์ความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ ความสัมพันธ์ทางการทูตและการค้ากับจีน ตลอดจนปัจจัยในประเทศ จากอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น วิกฤตในบริษัทที่เป็นอุตสาหกรรมหลักของเกาหลี เช่น การล้มละลายของบริษัทนำเข้า-ส่งออกสินค้า “ฮานจิน” หรือการเรียกคืนสินค้าที่มีปัญหาของ “ซัมซุง”


ส่วนปัจจัยบวกที่ยังเป็นแรงส่งให้อุตสาหกรรมความงามของเกาหลียังสามารถเติบโตต่อไปได้ก็คือการตอบรับที่ดีจากตลาดและนักท่องเที่ยวจีนและกระแสของเครื่องสำอางเกาหลีที่แพร่หลายมากขึ้น เช่น ในยุโรป รัสเซีย ฯลฯ นอกเหนือจากแถบเอเชีย จากการสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งถูกทำอย่างเป็นระบบพร้อม ๆ กับทั้งด้านเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เช่น ละคร, นักร้อง, ดารา ฯลฯ
ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาแบรนด์ต่าง ๆ ก็มีการปรับตัวเพื่อรองรับโอกาสที่จะขยายออกไปมากขึ้น เช่น จากเดิมโทนสีของแป้ง หรือรองพื้น จะเหมาะกับคนผิวขาวเป็นหลัก แต่ในปัจจุบันจะมีเฉดสีที่พัฒนาขึ้นอย่างหลากหลาย เพื่อให้เหมาะกับสีผิวของคนในประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะในแถบอาเซียน รวมถึงไทย
“เดิมทีแบรนด์เกาหลีจะมีแค่ 1 – 2 เฉด คือขาว และขาวมากเท่านั้น ปัจจุบันผู้ผลิตได้พัฒนาให้มีเฉดเหลือง เบจ ชมพู ฯลฯ เกือบ 10 เฉด สร้างความหลากหลาย ให้โดนใจผู้บริโภคมากที่สุด”
ขณะที่ด้านของพฤติกรรมการบริโภคสินค้านั้น เขาพบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนเลยก็คือ การที่เกาหลีกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ คือมีอัตราการเกิดน้อย คนมีอายุยืนขึ้น ซึ่งบางชุมชนมีผู้ที่อายุมากกว่า 68 ปี เป็นสัดส่วนกว่า 20% ในขณะที่ช่วงอายุของคนที่เริ่มใช้สินค้าความงามนั้นมีตัวเลขน้อยลงทุกปี สินค้าจึงมีช่องทางที่จะทำตลาดทั้งกลุ่มเด็ก วัยรุ่นไปจนถึงผู้ใหญ่มากขึ้น
และด้วยความเร่งรีบในชีวิตประจำวัน สภาพอากาศที่ร้อนขึ้น ทำให้เทรนด์ของสกินแคร์ เช่น ครีม เซรั่ม มอยส์เจอไรเซอร์ ฯลฯ ต้องเป็นสูตรที่บางเบา มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลายในผลิตภัณฑ์ชิ้นเดียว สามารถใช้ได้ง่าย และมีประสิทธิภาพ เช่น สกินแคร์ที่ช่วยทั้งเรื่องกระจ่างใสและต่อต้านริ้วรอยภายในตัว, ซีซีครีมที่ช่วยเรื่องกระชับรูขุมขนและมีสารกันแดดในตัวหรือคลีนซิ่ง ที่จะได้รับความนิยมและพัฒนาให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น เพราะการใช้ครีมกันแดดที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนปัญหามลภาวะเป็นพิษ เช่น ฝุ่นเหลือง ที่พัดมาจากฝั่งมองโกเลียและจีน
นอกจากนี้ เทรนด์ของการปรุงส่วนผสมตามความต้องการเฉพาะแบบของลูกค้า (Customization) ก็มีแนวโน้มที่จะเติบโตสูงอีกเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ดีไซน์ เช่น แบรนด์อินนิสฟรี ที่เปิดให้ลูกค้าสามารถเลือกลวดลายของตลับคุชชั่นได้ หรือสามารถเลือกสีสันที่ชอบ เช่น แบรนด์ลาเนจ ในเครือบริษัทอมอร์ แปซิฟิค ที่มีมุม “ลิปบาร์” ให้ลูกค้าเลือกสีลิปสติกแบบทูโทน ที่ฮิตจากละครเรื่องเดสเซ็นแด้นท์ออฟเดอะซัน ประกอบด้วย 14 เฉดสี สำหรับริมฝีปากด้านใน และ 12 เฉดสีสำหรับริมฝีปากด้านนอก
รวมถึงบริษัทแอลจี เฮาส์โฮลด์แอนด์เฮลท์แคร์ ที่เตรียมจะเปิดร้านเครื่องสำอางที่ลูกค้าสามารถเลือกสีสัน หรือส่วนผสมที่ต้องการเองได้ภายในปีหน้า โดยที่ลูกค้าจะได้รับการทดสอบสภาพผิวในเบื้องต้น ก่อนเลือกสูตร หรือสารสกัดที่ตัวเองมีความต้องการ และเหมาะกับผิว
ซึ่งส่วนผสมที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้ ต้องเป็นสารสกัดที่มาจากธรรมชาติ “โซน” ระบุว่า ผู้ผลิตรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นอมอร์แปซิฟิค ก็โฟกัสการพัฒนาสารสกัดจากโสมเกาหลี (พาแน็ก จินเซง) คลาแรงส์ มีผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของอะเซโรลา เชอร์รี่และกัวรานา หรือเดอะบอดี้ช็อป ที่มีคอนเซ็ปต์ว่าสินค้าต้องมาจากธรรมชาติ 100%
และเพื่อหาจุดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์ ส่วนผสมดังกล่าวจะต้องมาจากแหล่งที่หายาก มีน้อย เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ซึ่งการแข่งขันในรูปแบบของส่วนผสมพิเศษจะเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมนี้มากขึ้น
ส่วนรูปแบบแพ็กเกจจิ้งหน้าตาของสินค้าขั้นสุดท้ายที่มีส่วนสำคัญในการจูงใจผู้บริโภคในช่วงนี้ ต้องออกแบบให้มีความเรียบง่าย แต่ดูแพง ด้วยโทนสีหลักคือ ขาว – ดำ ขณะเดียวกันก็ต้องมีความทันสมัยด้วย เช่นเทรนด์ที่กำลังโดนใจลูกค้าวัยรุ่นมาก ๆ ก็คือการคอลลาบอเรชั่นกับตัวการ์ตูน แคแร็กเตอร์ต่าง ๆ ที่กลุ่มดังกล่าวชื่นชอบ หรือลวดลายแบบลิมิเต็ดอีดิชั่น
ในมุมของขาช็อป ก็คงจะมีสินค้าเด็ด ๆ ออกมาให้ควักกระเป๋าจ่ายกันอีกเพียบ แต่ในมุมของผู้ประกอบการ ทั้งแบรนด์ไทย แบรนด์จากตะวันตก คงต้องจับตากันให้ดี และตีโจทย์ความต้องการของลูกค้าตัวเองให้ได้

ที่มา  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น