ไข้หวัด เป็นการติดเชื้อของจมูกและคอ ส่วนใหญ่ 75-80% เกิดจากเชื้อไวรัส เมื่อเชื้อเข้าสู่จมูกและคอจะทำให้ยื่นจมูกบวมและแดง มีการหลั่งของเมือกออกมา แม้ว่าจะเป็นโรคที่หายเองใน 1 สัปดาห์ แต่เป็นโรคที่ไปพบแพทย์มากที่สุด
โดยเฉลี่ยจะเป็นไข้หวัด 6-12 ครั้งต่อปี และผู้หญิงเป็นหวัดบ่อยกว่าผู้ชาย
โดยเฉลี่ยจะเป็นไข้หวัด 6-12 ครั้งต่อปี และผู้หญิงเป็นหวัดบ่อยกว่าผู้ชาย
อาการ
มีการจามและน้ำมูกไหลนำมาก่อน อ่อนเพลียปวดศีรษะเล็กน้อย แต่มักไม่ค่อยมีใข้ เชื้อจะออกจากทางเดินหายใจ2-3 ชั่วโมง บางรายเยื่อบุตาอักเสบ เจ็บคอกลืนลำบาก โรคมักเป็นไม่เกิน 2-5 วัน แต่อาจมีน้ำมูกไหลนานถึง 2 สัปดาห์ อาจจะรุนแรง และมักมีการแพร่ไปเป็นหลอดลมอักเสบ ปวดบวม เป็นต้น
การติดต่อ
มีการจามและน้ำมูกไหลนำมาก่อน อ่อนเพลียปวดศีรษะเล็กน้อย แต่มักไม่ค่อยมีใข้ เชื้อจะออกจากทางเดินหายใจ2-3 ชั่วโมง บางรายเยื่อบุตาอักเสบ เจ็บคอกลืนลำบาก โรคมักเป็นไม่เกิน 2-5 วัน แต่อาจมีน้ำมูกไหลนานถึง 2 สัปดาห์ อาจจะรุนแรง และมักมีการแพร่ไปเป็นหลอดลมอักเสบ ปวดบวม เป็นต้น
การติดต่อ
โรคนี้มักจะระบาดในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากความชื้นต่ำและอากาศเย็น สามารถติดต่อจากน้ำลายและเสมหะ นอกจากนั้นมือที่เปื้อนเชื้อโรคก็สามารถทำให้เกิดโรคได้ โดยผ่านทางจมูกและตา ผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อได้ก่อนเกิดอาการและ 1-2 วัน หลังเกิดอาการ
การติดต่อที่พบได้บ่อย
1.มือที่สัมผัสเชื้อจากเสมหะของผู้ป่วย หรือสิ่งแวดล้อมแล้วขยี้ตา หรือเอาเข้าปากหรือจมูก
2.หายใจเอาเชื้อที่ผู้ป่วยที่ไอออกมา
3.หายใจเอาเชื้อที่กระจายอยู่ในอากาศ
การรักษา
-ไม่มียารักษาเฉพาะ ถ้ามีไข้ให้ยาลดไข้ para cetamol ห้ามใช้ Aspirin
-ให้ยาช่วยรักษาตามอาการ เช่น ยาลดคัดจมูก ลดน้ำมูก ยาแก้ไออ่อนๆ
-ให้นอนพัก และดื่มน้ำมากๆ
โดยทั่วไปจะเป็นมาก 2-4 วัน หลังจากนั้นจะดีขึ้น
ในคนที่มีโรคแทรกซ้อนที่สำคัญคือหูชั้นกลางอักเสบ ต้องได้รับยาปฏิชีวนะรักษา
การป้องกัน
-หลีกเลี่ยงที่ชุมชน เช่น โรงภาพยนตร์ ภัตตาคาร
-ไอหรือจามให้ใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือทิชชูปิดปาก
-ให้ล้างมือบ่อยๆ
-ไม่เอามือเข้าปากหรือขยี้ตา เพราะอาจนำเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้
-อย่าอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นหวัดเป็นเวลานาน
เป็นการยากที่จะป้องกันการติดเชื้อไข้หวัด ดังนั้นการดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
ที่มา หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น