วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2558

"เป็นหวัดหน้าหนาว"


ไข้หวัด เป็นการติดเชื้อของจมูกและคอ ส่วนใหญ่ 75-80% เกิดจากเชื้อไวรัส เมื่อเชื้อเข้าสู่จมูกและคอจะทำให้ยื่นจมูกบวมและแดง มีการหลั่งของเมือกออกมา แม้ว่าจะเป็นโรคที่หายเองใน 1 สัปดาห์ แต่เป็นโรคที่ไปพบแพทย์มากที่สุด

โดยเฉลี่ยจะเป็นไข้หวัด 6-12 ครั้งต่อปี และผู้หญิงเป็นหวัดบ่อยกว่าผู้ชาย

 
อาการ

มีการจามและน้ำมูกไหลนำมาก่อน อ่อนเพลียปวดศีรษะเล็กน้อย แต่มักไม่ค่อยมีใข้ เชื้อจะออกจากทางเดินหายใจ2-3 ชั่วโมง บางรายเยื่อบุตาอักเสบ เจ็บคอกลืนลำบาก โรคมักเป็นไม่เกิน 2-5 วัน แต่อาจมีน้ำมูกไหลนานถึง 2 สัปดาห์ อาจจะรุนแรง และมักมีการแพร่ไปเป็นหลอดลมอักเสบ ปวดบวม เป็นต้น

การติดต่อ

 

โรคนี้มักจะระบาดในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากความชื้นต่ำและอากาศเย็น สามารถติดต่อจากน้ำลายและเสมหะ นอกจากนั้นมือที่เปื้อนเชื้อโรคก็สามารถทำให้เกิดโรคได้ โดยผ่านทางจมูกและตา ผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อได้ก่อนเกิดอาการและ 1-2 วัน หลังเกิดอาการ

การติดต่อที่พบได้บ่อย

1.มือที่สัมผัสเชื้อจากเสมหะของผู้ป่วย หรือสิ่งแวดล้อมแล้วขยี้ตา หรือเอาเข้าปากหรือจมูก

2.หายใจเอาเชื้อที่ผู้ป่วยที่ไอออกมา       

3.หายใจเอาเชื้อที่กระจายอยู่ในอากาศ

การรักษา


-ไม่มียารักษาเฉพาะ ถ้ามีไข้ให้ยาลดไข้ para cetamol ห้ามใช้ Aspirin

-ให้ยาช่วยรักษาตามอาการ เช่น ยาลดคัดจมูก ลดน้ำมูก ยาแก้ไออ่อนๆ

-ให้นอนพัก และดื่มน้ำมากๆ

โดยทั่วไปจะเป็นมาก 2-4 วัน หลังจากนั้นจะดีขึ้น
ในคนที่มีโรคแทรกซ้อนที่สำคัญคือหูชั้นกลางอักเสบ ต้องได้รับยาปฏิชีวนะรักษา
 
การป้องกัน



-หลีกเลี่ยงที่ชุมชน เช่น โรงภาพยนตร์ ภัตตาคาร

-ไอหรือจามให้ใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือทิชชูปิดปาก

-ให้ล้างมือบ่อยๆ

-ไม่เอามือเข้าปากหรือขยี้ตา เพราะอาจนำเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้

-อย่าอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นหวัดเป็นเวลานาน


เป็นการยากที่จะป้องกันการติดเชื้อไข้หวัด ดังนั้นการดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ที่มา  หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น