วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

"กินไม่หยุดแต่ไม่อ้วนทำได้ไง"

กินไม่หยุดแต่ไม่อ้วนทำได้ไง
ยัง มีปัจจัยอีกมากมายซึ่งบ่อนทำลายน้ำหนักที่คุณเฝ้ารักษาให้คงที่มาตลอด คุณอาจสวาปามมากกว่าที่คาดคิด และนี่คือกับดักที่มักล่อลวงให้สับสนว่า “เอ๊ะ! ฉันอิ่มหรือยังนะ ไม่มั้ง ยังกินได้อีกนี่” แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตากินต่อไป เอาล่ะ มาตั้งสติก่อนหยิบอะไรต่อมิอะไรเข้าปากดีมั้ย
  1 อุณหภูมิร่างกายก็มีส่วน หาก ไม่รู้จักหักห้ามใจเสียบ้าง เชื่อเถอะ พุงสามชั้นจะเกาะหนึบไม่ยอมไปไหนแหง ๆ งานวิจัยชิ้นหนึ่งอ้างว่า คนโดยปกติส่วนใหญ่จะกิน กิน กิน แล้วก็กิน ในช่วงอากาศหนาวมากกว่าหน้าร้อนอยู่แล้ว เพราะร่างกายต้องการกักเก็บพลังงาน (แคลอรีนั่นแหละ) เพื่อรักษาอุณหภูมิร่างกายไว้ที่ 37 องศาเซลเซียส (มิน่าล่ะ ร้านอาหารจึงชอบเปิดแอร์เย็นฉ่ำจนมือแข็งไม่มีแรงจับส้อม) นอกจากนี้ นาเน็ตต์ สโตรเบล (Nanette Stroebele) ศาสตราจารย์ด้านโภชนาการจากมหาวิทยาลัยในรัฐโคโลราโด เสริมว่าเรามักเลือกเมนูแตกต่างกันไปตามสภาพอากาศ ถ้าหน้าหนาวเรามีแนวโน้มจะกินอาหาร เช่น แป้งและไขมันสูง และกินอาหารเบา ๆ เช่น สลัดผักในหน้าร้อน วิธีแก้: เริ่มต้นด้วยน้ำซุปสักถ้วยที่ทำให้ร่างกายอุ่นขึ้น (แถมช่วยลดปริมาณแคลอรีแต่ละมื้อด้วยใยอาหาร) ผลการวิเคราะห์พบว่าก็เหมือนกับเราอบอุ่นร่างกายก่อนกิน ป้องกันไม่ให้คุณกินอาหารที่ปรุงด้วยชีสเยิ้ม ๆ เข้าไป แค่เพิ่มอุณหภูมิให้ร่างกายเล็กน้อย คุณก็สามารถสั่งอาหารที่มีประโยชน์กว่าแป้ง น้ำตาล และไขมันมากโข อีกหนึ่งทางแก้ดี ๆ คือ ก่อนกินอาหารสักคำ ให้ถามตัวคุณเองว่ากำลังกินอาหารที่ตรงข้ามกับสภาพอากาศหรือไม่ (เช่น เลือกไอศกรีม) คนจำนวนมากคิดว่าตัวเองหิว แต่อันที่จริงคุณแค่ต้องการเสื้อกันหนาวสักตัวเท่านั้น (ดังนั้น ควรพกมันติดตัวไปด้วยเมื่อต้องกินอาหารในร้านที่เปิดแอร์เย็นเฉียบ)
  2 บ้างานเกินไปมั้ย น้ำ หนักขึ้นไม่ได้เป็นตัวชี้วัดคุณภาพการทำงานหรอกนะ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผลการสำรวจของสำนักจัดหางานแห่งหนึ่งเผยแพร่ว่า มีคนจำนวน 41% ทำงานเอาเป็นเอาตาย มันก็ดีอยู่หรอกค่ะ แต่คนที่นั่งจดจ่ออยู่กับโต๊ะทำงาน กินข้าวที่โต๊ะทำงานและใช้เวลาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา มักจะละเลยและไม่ใส่ใจว่าตนบริโภคอะไรเข้าไปบ้าง” วิธีแก้: ถ้าไม่สามารถวางมือจากงานแล้วออกมากินมื้อเที่ยงนอกออฟฟิศได้จริง ๆ อย่างน้อยแค่อยู่ให้ห่างหน้าจอคอมพ์ก็ยังดี เพราะขณะเอ็นจอยกับอาหารตรงหน้า พอรู้สึกอิ่มร่างกายจะหยุดกินโดยอัตโนมัติ นักวิจัยจากห้องทดลองของ Cornel Food and Brand เผยว่าคนจะกินช็อกโกแลตใส่จานมากเป็น 2 เท่า แต่กินน้อยลงเมื่อจานนั้นอยู่ห่างจากโต๊ะทำงานอย่างน้อย 6 ฟุต  
 3 อดนอนบ้างรึเปล่า นัก วิจัยรู้ดีว่านอนไม่หลับมีสาเหตุจากการสวมเสื้อผ้าไซส์เล็กเกินหรือไซส์ใหญ่ ยักษ์ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร การพักผ่อนไม่เพียงพอเป็นต้นตอให้ฮอร์โมนกระตุ้นความอยากอาหารทำงานบกพร่อง แถมต้องพึ่งพาอาหารน้ำตาลสูงเป็นพิเศษ อย่างขนมปัง คุกกี้ มีคนวัยผู้ใหญ่เกือบ 30% นอนหลับพักผ่อนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน วิธีแก้: ถ้าการนอน 6-8 ชั่วโมง หรือปรับเปลี่ยนอาหารการกินสำหรับคุณเป็นไปไม่ได้เลย ฟังทางนี้ค่ะ ผลวิจัยเชิงจิตวิทยาพบว่า ยามเราใช้พลังงานในแต่ละวันไม่เหลือหรอ เรามักเลือกกินแต่อาหารไร้ประโยชน์” เมื่อใดที่รู้สึกเหนื่อยล้าและท้องว่าง ควรรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่และสม่ำเสมอ หรือจะเลี่ยงไปกินโปรตีนกับไฟเบอร์เพิ่มทุกมื้อก็โอ.เค. เพราะมันช่วยยืดเวลาย่อยอาหารและชะลอระดับน้ำตาลไม่ให้ลดฮวบ
  4 วันนั้นของเดือน จะว่าไปเอสโตรเจนมีบทบาทในการกำหนดปริมาณการกินของเรา นั่นหมายถึง คุณรู้สึกอยากอาหารจริง ๆ เมื่อรอบเดือนใกล้เวียนมาถึง เรามักหยิบนู่นจับนี่เข้าปากไม่ยั้ง แถสีข้างอ้างว่าเป็นเมนส์ปล่อยให้ฉันกินอะไรอร่อย ๆ เถอะจะได้รู้สึกดีขึ้นบ้าง วิธีแก้: ก่อนถึงวันมีรอบเดือน 1 สัปดาห์ ลองกินผลิตภัณฑ์จากนมเพิ่มทุกมื้อ จากการศึกษาพบว่า หญิงสาวที่กินนมไขมันต่ำ หรือน้ำส้มวันละ 4 แก้ว มีแนวโน้มเกิดอาการ PMs น้อยกว่า 40% (ความอยากอาหารก็ลดลงด้วย) เมื่อเทียบกับคนที่กินนมวันละครั้ง แม้คุณจะพยายามบังคับตัวเองไม่ให้ตามใจปากได้สำเร็จ แม้จะอยากกินแทบลงแดง ขอเตือนว่าอย่าหักดิบด้วย ‘การอด’ ไม่อย่างงั้นความตั้งใจล้มเหลวแน่ ดังนั้น อยากกินอะไรก็กินเถอะค่ะ แต่กินปริมาณน้อย ๆ อย่างช็อกโกแลตร้อน 1 ถ้วยเล็ก ๆ

ที่มา WOMEN'S HEALTH THAILAND

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น